ตอบหมดทุกข้อสงสัย! จำเป็นต้องยื่นภาษีขายของออนไลน์รึเปล่า?
สวัสดีเหล่าพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ทุกท่านครับ เข้าใกล้ฤดูกาลต้องเสียภาษีแล้ว อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าจะต้องเสียภาษีขายของออนไลน์รึเปล่านะ? ดังนั้นในวันนี้ MyShop จึงจะขอมาตอบข้อสงสัยเหล่านี้ว่าในฐานะคนค้าขายทางออนไลน์จะต้องเสียมั้ย? อายุเท่านี้จำเป็นต้องเสียมั้ย? จำเป็นจะต้องยื่นภาษีมั้ย? เอกสารอะไรที่จำเป็นจะต้องเตรียมบ้าง แล้วถ้าไม่ยื่นจะมีผลอะไรบ้าง มาทราบกันเลยครับ
รู้เรื่องภาษี
อย่างที่ทราบกันว่าถ้าหากคุณเป็นคนที่มีรายได้เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้าง มรดก เงินรางวัล หรือการค้าขายก็ล้วนแต่จะต้องยื่นภาษีเข้าสู่ระบบ เพราะถือเป็นหน้าที่ในฐานะประชาชนคนไทย โดยการยื่นภาษีนั้นไม่ได้มีการกำหนดอายุว่าถ้าคุณยังเป็นผู้เยาว์อยู่ต่อให้มีรายได้ก็ไม่จำเป็นต้องยื่น ดังนั้นผู้มีรายได้ทุกคนจึงจำเป็นจะต้องยื่นภาษีทั้งหมด ในบางกรณีก็อาจไม่จำเป็นจะต้องเสียภาษีหากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ครับ สำหรับร้านค้าออนไลน์นั้นจะถูกเรียกเก็บภาษีที่เรียกว่า “ภาษีอีเพย์เมนต์” ที่จะให้สถาบันทางการเงินส่งกับกรมสรรพากร โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- การมียอดฝากหรือการโอนเงินเข้า ตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป/ปี (ไม่กำหนดยอดรวมทั้งหมด)
- การมียอดฝากหรือการโอนเงินเข้า ตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป/ปี และยอดเงินรวมกันเกิน 2 ล้านบาท
ค้าขายออนไลน์เล่นๆ ต้องยื่นมั้ยนะ?
ก่อนอื่นเลยต้องมาดูกันก่อนว่า คำว่าขายเล่นๆ เนี่ยทำให้คุณมีรายได้เท่าไรต่อปี เพราะพ่อค้าแม่ขายบางคนขายเล่นจริงแต่รายได้เยอะ หรือบางคนขายจริงจังแต่อาจไม่ได้มีรายได้มาก และรวมถึงรายการบัญชีที่มีการรับโอนหากถึงตามที่กำหนดข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกไปยังกรมสรรพากร ไม่ว่าจะขายผ่านเว็บขายของออนไลน์หรือแอปพลิเคชันก็ตาม ดังนั้นถ้าเข้าข่ายก็จำเป็นจะต้องเตรียมเอกสาร และคำนวณดูก่อนว่ารายได้รวมทั้งหมดต่อปีเท่าไร เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือรายได้เกินเท่าไหร่ ก็จะต้องยื่น โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับภาษีเงินได้บุคคล ดูได้ในตารางต่อไปนี้เลยครับ
ซึ่งหากร้านค้าของคุณมีรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายมากกว่า 1.8 ล้าน/ปี ก็จำเป็นที่จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยนะครับ
เอกสารที่ต้องเตรียม
สำหรับเหล่าพนักงานประจำหรือฟรีแลนซ์ก็ล้วนแต่มีประสบการณ์และทราบว่าควรจะเตรียมเอกสารใดบ้างเพื่อยื่น แต่พ่อค้าแม่ขาย ดังนั้นเอกสารที่ต้องเตรียมจะต้องมีรายละเอียดครบถ้วนอย่างมาก ได้แก่
- การทำบัญชีรายรับรายจ่าย: ต้องมีรายละเอียดให้ชัดเจนว่ามีการโอนค่าสินค้าอะไรเข้ามาบ้างเทียบกับรายการย้อนหลังบัญชีของเราอย่างชัดเจน ตลอดจนค่าใช้จ่ายสินค้าและบริการหรือการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าเพื่อนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายไว้หักรายได้ อีกทั้งอย่าลืมแยกบัญชีส่วนตัวที่ใช้สำหรับชีวิตประจำวัน แยกกันกับบัญชีร้านค้า เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้นครับ
- เก็บหลักฐานทั้งหมด: ควรมีการจัดเก็บเอกสารทั้งหมดให้เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะใบเสร็จเล็กน้อยหากเกี่ยวข้องก็จำเป็นจะต้องใช้ โดยสามารถสแกนเอกสารเก็บไว้เผื่อกรณีที่มีการเรียกข้อดูเอกสารทั้งหมด
ยื่นภาษีอย่างไรดี
การยื่นภาษีนั้นสามารถทำได้โดยทั้งการเดินทางไปยังกรมสรรพากรได้เลย แต่เรื่องจากสถานการณ์โควิดนั้นทำให้การเดินทางไปอาจไม่สะดวกดังนั้นก็สามารถยื่นภาษีขายของออนไลน์ได้เลย ผ่านทางเว็บไซต์ https://rdserver.rd.go.th/ โดยสำหรับพ่อค้าแม่ขายคนไหนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนก็สามารถกรอกรายละเอียดบัตรประชาชนของคุณเพื่อสมัครสมาชิกได้เลย นอกจากนี้หากต้องการภายในเว็บไซต์ยังมีโปรแกรมคำนวณภาษีซึ่งสามารถนำมาคำนวณภาษีขายของออนไลน์ได้อีกด้วย ซึ่งพ่อค้าแม่ขายจำเป็นต้องยื่น 2 รอบครับ คือ แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด. 94 โดยเลือกเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 นะครับ
จากที่ MyShop แนะนำไปพ่อค้าแม่ขายคงจะเข้าใจถึงหลักการเรื่องภาษีมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากสงสัยว่าถ้าไม่ยื่นภาษีจะโดนอะไรมั้ยนะ? เบื้องต้นกรมสรรพากรอาจมีการเรียกเข้าไปชี้แจ้ง ซึ่งก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นตูมไปนะครับ เพียงมีเอกสารหลักฐานที่กล่าวไปเบื้องต้น ก็นำไปอธิบายได้เลย อย่างไรก็ดีหากเกิดเหตุการณ์ที่ทางกรมสรรพากรเกิดเรียกตรวจสอบย้อนหลังระวังจะหนาวกับยอดประเมินภาษีที่จะต้องจ่ายนะครับ ดังนั้นหากการยื่นภาษีไปก่อนเลยก็จะป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตครับ และอย่าลืมนะครับปีนี้สามารถยื่นภาษีได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วยื่นเลยครับ
สุดท้ายนี้ MyShop ถือเป็นแอปขายของออนไลน์ ที่จะช่วยทำให้การขายของออนไลน์เป็นไปได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะนับสต๊อกไม่พลาด ติดตามสถานะออเดอร์ได้ และพิเศษสุดๆ คือสามารถออกใบเสร็จได้ด้วย สมัครใช้งานก็ง่ายเพียงมี LINE OA เท่านั้นครับ
อ้างอิง
